วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความเชื่อเรื่องแมวดำ 'Black cat'


       “แมวดำ” เจ้าสัตว์ตัวน้อยที่มีขนยาวสีดำนิลปกคลุมรอบตัว เพราะขนของมันนั้นมี “สีดำ” จึงทำให้มนุษย์มองแมวดำไปในลักษณะสัญลักษณ์ลึกลับและน่ากลัว ปกติแล้ว แมวเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กที่กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องของมนุษย์ และจัดเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมจากคนทั่วโลกก็ว่าได้ มีประวัติจารึกถึงมันในฐานะสัตว์เลี้ยงคู่กับมนุษย์มานานไม่น้อยกว่า 4000-8000ปีมาแล้ว สัญชาตญาณของแมวเป็นสัตว์ที่มีกรงเล็บหนามคม มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวและมีคุณสมบัติพิเศษในการมองเห็นในที่มืด มีความสามารถในการได้ยินและการดมกลิ่น โดยเฉพาะการไล่ล่าหนูและการกระโดจากที่สูงโดยไม่ได้รับอันตราย เรื่องราวของแมวจึงมีปรากฏอยู่ในหลายๆวัฒนธรรมของโลก หากแต่ว่า เฉพาะแมงที่มีขนสีดำหรือ “แมวดำ” กลับถูกมองด้วยสายตาอันหวาดระแวงจากมนุษย์ แต่ถึงกระนั้นความเชื่อเรื่องแมวดำก็เป็นสัญลักษณ์ทั้งดีและร้าย มีการเชื่อกันว่า แมวดำคือสัตว์แห่งความโชคดีก็มีด้วยเช่นกัน



ที่มา : ในวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ “แมว” ได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง มีการนำมาเป็นมัมมี่และฝังร่างในโรงอันวิจิตรอันประณีต อีกทั้งยังได้รับการเชิดชูจากเหล่าวงศานุวงศ์ขององค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ รวมทั้งบูชาให้เป็นเทวรูปแมวอันลี้ลับ แต่ทว่า ครั้นโลกเข้าสู่สมัยกลางยุโรป แมวดำกลับถูกตีความให้เป็น “สัญลักษณ์แห่งความโชคร้าย” เพราะมีคำเล่าขานเกี่ยวกับแมวดำและซาตาน อีกทั้งเชื่อกันไปว่า แมวดำเป็นสัตว์อัปมงคลที่มีจิตวิญญาณของแม่มดที่จะมีชีวิตใหม่หลังจากถูกเผาด้วยกองเพลิงสิงสถิตอยู่ ในช่วงสมัยคริสเตียนตอนต้น ก็เชื่อกันว่า “หากมีแมวดำเดินผ่านตัดหน้า มันจะแสดงให้เห็นถึงการปิดกั้นหนทางสู่สวรรค์ของมนุษย์” ดังนั้น พวกมันจึงต้องถูกกำจัดและทำลายให้สิ้นซาก จนกระทั่งตราบทุกวันนี้ในอเมริกาและอีกหลายๆประเทศในยุโรปต่างก็กลัวที่จะเห็นแมวดำ


ความเชื่ออื่นที่แตกต่าง : แมวดำกลายเป็นสัตว์แห่งลางร้ายในสายตาของชาวอิตาเลียน มันถูกมองว่าจะนำความตายมาให้ผู้ป่วย เพราะหากปรากฏแมวดำไปนอนบนเตียงผู้ป่วยคนใด ก็เชื่อว่าคนนั้นจะต้องจายในไม่ช้า ในอีกด้านหนึ่งของความเชื่อที่แปลกแยกของมนุษย์ ทัศนะเกี่ยวกับแมวดำในทางที่ดีและเป็นมงคลก็มีให้เช่นกัน เพราะในประเทศอังกฤษ แมวดำจะใช้เป็นเคล็ดป้องกันภัยอันตรายไม่ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อพื้นเมืองของชาวเลหรือชาวประมง แถบชายฝั่งทะเล เหล่าภรรยาของชาวประมงนิยมเลี้ยงแมวดำไว้ในบ้าน เพราะเชื่อกันว่า การเลี้ยงดูแมวดำเป็นเคล็ดที่จะช่วยคุ้มครองให้สามีของพวกนางปลอดภัยจากการเดินทางกลางท้องทะเล เช่นเดียวกับในประเทศสก็อตเเลนด์ก็เชื่อกันว่า หากพบเห็นแมวดำเดินผ่านประตูทางเข้าเมื่อใด เมื่อนั้นความร่ำรวยมั่งคั่งก็จะมาเยือนถึงหน้าบ้านของท่านทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งในอังกฤษและญี่ปุ่น แมวดำต่างใช้เป็นสัญลักษณ์มงคลสำหรับสิ่งดีๆที่จะมาถึงอีกด้วย

การปฏิบัติ : วัฒนธรรมที่หลากหลายเกี่ยวกับแมวดำจึงแตกแยกทางความเชื่อไปคนละแบบ สุดแท้แต่ว่าคนในสังคมหรือท้องถิ่นนั้นๆจะเชื่อถือกันอย่างไร  การแก้เคล็ดสำหรับการมองว่าแมวดำเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคร้ายก็มีอะไรๆที่แตกต่างกันไปด้วย เช่น ในรัสเซียเชื่อกันว่าหากแมวดำเดินผ่านตัดหน้าคุณ ให้รีบจับกระดุมเสื้อเอาไว้จะเป็นการแก้เคล็ดช่วยคุ้มครองให้พ้นเคราะห์  บ้างก็เชื่อว่าหากพบแมวดำเดินผ่านตัดข้างทาง ให้เดินถอยหลัง 12 ก้าว ก็จะปลอดภัยจากเคราะห์ร้าย แต่ก็มีบ้างที่แนะว่า เมื่อพบแมวดำ ณ ที่ใด ให้ลูบขนบนตัวมันเบาๆสามครั้ง พร้อมทั้งพูดจากับมันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มันก็จะพาโชคดีมาสู่ตัวคุณเช่นกัน


ที่มา : http://www.trendytarot.com/14416966/ความเชื่อฝรั่ง-แมวดำblack-cat

ตำนาน 'Maneki Neko' แมวกวักนำโชค

          ใครว่าความเชื่อเรื่องโชคลาง จะมีกันอยู่แต่ในหมู่ชาวไทยเท่านั้น เจ้าแห่งเทคโนโลยีอย่างชาวญี่ปุ่น ก็ยังต้องมีที่พึ่งทางใจคอยเสริมโชคลาภอยู่เหมือนกันนะ มาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko) แมวกวัก หน้าตาน่ารัก จึงมีปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไปไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทยบ้านเรา จนกลายเป็นแมวน้อยยอดฮิตที่ต้องมีติดบ้าน และร้านค้าไปซะแล้ว

           ความเป็นมาของเจ้าแมวกวัก มาเนกิ เนโกะ มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (พ.ศ.2186 – พ.ศ.2411) และถูกตีพิมพ์ให้รู้จักกันในวงกว้าง จากหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งในสมัยเมจิ (พ.ศ.2413) ว่า แมวกวัก มาเนกิ เนโกะ ถูกพบเห็นในศาลเจ้าแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า โดยมีตำนานที่กล่าวถึงเจ้า มาเนกิ เนโกะ อยู่หลายตำนานด้วยกัน




ตำนานหญิงชรา

          
 เรื่องของคุณยายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เลี้ยงแมวน้อยเอาไว้เป็นเพื่อน แต่ด้วยฐานะยากจน เธอจึงอดมื้อกินมื้อร่วมกับแมวมาตลอด สุดท้ายคุณยายจำใจต้องเอาแมวตัวนั้นไปปล่อย เพราะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงดูมันได้อีกต่อไปแล้ว คุณยายเสียใจมาก และเผลอหลับไป และแล้วคุณยายก็ฝันถึงแมวน้อยตัวนั้น ที่มาบอกคุณยายว่า หากอยากโชคดีให้ลองปั้นตุ๊กตาแมวขึ้นจากดินเหนียวดูสักครั้ง

           คุณยายตัดสินใจลองปั้นตุ๊กตาแมวจากดินเหนียวดู โดยยกมือข้างหนึ่งของแมวขึ้นคล้ายกับการกวักเรียกโชคลาภ ต่อมามีคนแปลกหน้าเห็นตุ๊กตาแมวกวักของคุณยาย จึงขอซื้อไป ทำให้คุณยายได้เงินมาประทังชีวิต จากนั้นคุณยายจึงปั้นตุ๊กตาแมวกวักขายอยู่เรื่อย ๆ จนมีเงินพอไปรับแมวตัวเดิมกลับมาอยู่ด้วยอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงร่ำลือว่าตุ๊กตาแมวกวักนี้ เป็นตุ๊กตานำโชค และกลายเป็นตำนานในที่สุด


ตำนานแมวเช็ดหน้า

           
เป็นตำนานที่มาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ที่ว่า หากแมวยกแขนขึ้นมาคลอเคลียที่ใบหน้า แปลว่าจะมีแขกมาหา ดังนั้นจึงเกิดการสร้างตุ๊กตาปั้น รูปแมวกวักขึ้น โดยยกแขนข้างหนึ่งเอาไว้ให้เหมือนเป็นการคลอเคลียที่ใบหน้า เพื่อหวังให้มีแขกมาหาตามความเชื่อ ซึ่งแขกในที่นี้หมายถึง ลูกค้าที่จะเข้าร้านมาซื้อของนั่นเอง

           ด้วยเหตุนี้ ชื่อเรียก มาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko) จึงมีความหมายตรงตัว ว่า แมวกวัก หรือแมวนำโชค เป็นชื่อที่เป็นสิริมงคล ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น


การยกแขน

           
ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า แมวกวัก มาเนกิ เนโกะ นั้น มีลักษณะท่าทางในการยกแขนอยู่หลายแบบด้วยกัน โดยมีความหมายดังนี้
1. ยกแขนขวา หมายถึง เป็นการกวักเรียกเงิน เรียกทอง และโชคลาภ

2. ยกแขนซ้าย หมายถึง เป็นการกวักเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน ขายดิบขายดี

3. ยกแขนทั้งสองข้าง หมายถึง การกวักเรียกทั้งเงินทอง โชคลาภ และเรียกลูกค้าให้เข้าร้านไปพร้อม ๆ กัน
 



เครื่องประดับ

          1. ปลอกคอ ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง มีกระดิ่งห้อยอยู่ โดยเชื่อว่า
ถ้าห้อยกระดิ่งไว้แมวจะไม่หนีไปไหน โชคลาภก็จะไม่หายไปด้วย

          2. 
ผ้าพันคอ ไว้ช่วยปัดเป่าโรคภัย โดยเชื่อว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก พระโพธิสัตว์จิโซ โบซัสสุ พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็ก ที่เป็นเคารพนับถือของชาวญี่ปุ่น ซึ่งตามความเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จิโซ จะช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และชาวบ้านจะนำผ้าพันคอไปพันไว้ที่รูปปั้นหินของท่านเป็นการตอบแทน

          3. เหรียญทอง มาเนกิ เนโกะ ส่วนใหญ่จะถือเหรียญทองสมัยเอโดะไว้ในมือ 
เพื่อเรียกเงิน เรียกทอง และความโชคดี บางครั้งอาจเปลี่ยนจากเหรียญทองเป็นแบงค์ แต่ให้ความหมายเดียวกัน



ความหมายของสี
 1. แบบ 3 สี เป็นที่นิยมมากที่สุด โดยแมวกวักจะมีลำตัวเป็นสีขาว มีลายจุดสีดำ พื้นส้ม ตามแบบฉบับของแมวหางกุดสายพันธุ์โบราณที่หายากในญี่ปุ่น (Japanese Bobtail Cat) โดยเชื่อว่าสีสัน และลวดลายดังกล่าว เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่หาได้ยาก

 2. สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ป้องกันไสยศาสตร์ ภัยมืด

 3. สีดำ หมายถึง สีแห่งสุขภาพดี คอยปัดเป่าความชั่วร้าย ผู้หญิงญี่ปุ่นมักนิยมสีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยขับไล่ผู้ไม่หวังดี และเหล่ามิจฉาชีพ 

 4. สีแดง หมายถึง ความคุ้มครอง ที่สามารถไล่ภูติผีวิญญาณได้

 5. สีทอง หมายถึง การเรียกเงินเรียกทอง มั่งคั่ง ร่ำรวย

 6. สีเงิน หมายถึง สุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนยาว เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือ คนเจ็บป่วย

 7. สีเหลือง หมายถึง การช่วยให้คู่รักรักกันได้ยืนยาวตลอดไป ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

 8. สีชมพู เป็นสีที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยหมายถึง การให้โชคด้านความรัก เนื้อคู่

 9. สีม่วง หมายถึง พลังแห่งศิลปะ

10. สีเขียว หมายถึง ให้พลังความสำเร็จในเรื่องการศึกษา



ทำไมถึงเรียกแมวว่า "แมวเก้าชีวิต (Nine Lives of Cats)"



มีความเชื่อกันมาอย่างช้านานและแพร่หลายกันมาอย่างกว้างขวางว่า ”แมวนั้นมีเก้าชีวิต” มันจะตายแล้วฟื้นอยู่เช่นนี้ถึงเก้าครั้งก่อนที่จะสิ้นอายุขัยตายไปอย่างแท้จริง

มีความคิดและเหตุผลมากมายที่จะอธิบายถึงที่มาว่า เหตุใดแมวถึงมีเก้าชีวิต และเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? แต่การที่ได้เห็นอย่างแน่ชัดก็คือ แมวจะมีความสามารถพิเศษจากการรอดชีวิตเมื่อตกจากที่สูงและยังสามารถหนีรอดจากเหตุการณ์อัตรายต่างๆ  ที่ก่อให้เกิดความเสียหายถึงแก่ชีวิตของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ แต่ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดอันตรายกับแมว เพราะทุกครั้งเมื่อมีภัยมันจะหนีรอดได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกอียิปต์โบราณ แมวเกี่ยวข้องกับเทวีบาสต์ (Bast) ซึ่งเป็นพระราชธิดาของสุริยะเทพรา (Ra) เพราะในงานศิลปะอียิปต์โบราณนั้นมักมีการวาดภาพของเทวีบาสต์เป็นสตรีที่มีศีรษะเป็นแมว มีความเชื่อกันว่าพระนางเป็นสัญลักษณ์แห่งหมายเลข 9 ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการกำเนิดใหม่แห่งชีวิตตามความเชื่อของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ ยังมีตำนานเกี่ยวกับแม่มดว่าจะสามารถจำแลงแปลงร่างเป็นแมวได้เพียงเก้าครั้ง   และจะไม่มีวันทำได้อีกเพราะสิ้นสุดแห่งความอมตะของชีวิตแมวแล้ว

ความเชื่ออื่นที่แตกต่าง:ในสุภาษิตเก่าแก่ของชาวอาหรับและชาวตุรกี มีการพูดถึงชีวิตกำเนิดใหม่ของแมวเหมือนกัน แต่เชื่อว่าพวกมันจะมีชีวิตใหม่ได้เพียงเจ็ดชีวิต



ด้วยเหตุผลทางชีววิทยาสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมแมวถึงมีความว่องไวและแข็งแรง เพราะด้วยกายภาพของแมวเอื้อต่อการรอดพ้นจากอันตรายเมื่อตกลงมาจากที่สูง ตัวของแมวมีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา เมื่อตกลงมา น้ำหนักจะกระทบสู่พื้น และลดแรงกระแทกจากการถ่ายเทน้ำหนักด้วยสรีระทางกล้ามเนื้อของมัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเชื่อกันอีกว่า แมวมีคุณสมบัติพิเศษ และมีสัมผัสพิเศษสามารถบอกเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างล่วงหน้าได้ รวมไปถึงการมีสัมผัสพิเศษที่รู้ถึงดินฟ้าอากาศใต้ฝ่าเท้าของมันได้อย่างเหลือเชื่อ

วัฒนธรรมการ์ตูนดูจะมีเรื่องเกี่ยวกับแมวมากเป็นพิเศษเช่นกัน ในการ์ตูนคอมมิคเรื่อง “Krazy Kat” ของจอร์จ เฮอร์ริแมน ซึ่งตีพิมพ์จำหน่ายในช่วงปี ค.ศ.1913-1940 “เครซี่ แคท” แมวตลกผู้น่าสงสาร มักถูกกลั่นแกล้งจากศัตรูคู่แค้นคือ “หนูอิกแนตซ์”  หลายๆครั้งที่แมวถูกโจมตีด้วยการปาก้อนอิฐใส่หัว แต่บางครั้งก็มีผู้ช่วยของเครซี่คือ “ออฟฟิสซา พัฟฟ์” คอยช่วยอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าแมวดวงดีเครซี่ก็รอดพ้นจากการถูกปาด้วยอิฐใส่หัวทุกครั้งไป สงสัยเป็นเพราะมันมีเก้าชีวิตจริงๆ ไม่เช่นนั้นการ์ตูนเรื่องนี้คงไม่อยู่มานานกว่าสามสิบปี



นอกจากนี้ ยังมีการ์ตูนแอนิเมชั่นยอดนิยมอีกเรื่องหนึ่งที่ฮิตมานาน (นานจนปัจจุบัน) ก็คือ “เจ้าแมวทอม” แห่งการ์ตูนสุดฮิตเรื่อง “Tom and Jerry” ของบริษัท เอ็มจีเอ็ม/ฮันน่า บาร์เบร่า คู่รักคู่แค้นของแมวกับหนู ที่คราวนี้แมวเป็นฝ่ายล่าหนู (ไม่ใช่หนูล่าแมวเหมือนเรื่อง “เครซี่ แคท”) การ์ตูนอมตะเรื่องนี้เป็นที่นิยมจากเด็กๆทั่วโลกมานานนับศตวรรษ  แต่แม้ว่าทอมจะคอยพยายามเล่นงานเจ้าหนูเจอร์รี่อย่างไร ก็ทำอะไรหนูเจอร์รี่ไม่ได้เลยสักครั้ง แถมตัวเองยังสะบักสะบอมกลับไปทุกครั้ง ดูๆไปแล้ว คำว่าแมวเก้าชีวิตหากนำมาใช้กับทอมคงมากเกินกว่าเก้าชีวิตไปแล้ว



ที่มา : มหัศจรรย์แห่งสัญลักษณ์ เครื่องรางและเคล็ดลับนำโชค

http://www.tlcthai.com/horo/horo-about/3984.html